ทหารสร้างอนุสาวรีย์เจ้าพ่อข้อมือเหล็กองค์ใหม่ |
|
เขียนโดย Administrator
|
พล.ต.อรรคเดช ครุฑเวโช ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือกรมการพลังงานทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ได้จัดสร้างอนุสาวรีย์เจ้าพ่อข้อมือเหล็ก องค์ใหม่ สูง 2.90 เมตร( 290 ซม ) น้ำหนัก 297 กิโลกรัม เป็นทองสัมฤทธิ์ เพื่อประดิษฐาน ณ บริเวณศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็กเก่า
เนื่องด้วยเจ้าพ่อข้อมือเหล็กอดีตท่านเป็นทหารเอกของเจ้าเมืองฝาง และเคยสู้รบกับข้าศึกในสมัยโบราณ และที่ข้อมือทั้งสองข้างจะใช้เหล็กเป็นเกาะป้องกันจากดาบของข้าศึก และจะรบไม่เคยแพ้ และเป็นทหารเอกที่มีคาถาอาคมหนังเหนียวจะรบเคียงข้างกับเจ้าเมืองฝาง เมื่อศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือกรมการพลังงานทหาร มาตั้งในสมัยแรกๆ ทำการขุดเจาะหาน้ำมันก็จะมีเหตุให้มีอันเป็นไปหลายๆ อย่างกำลังพลรับอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยไม่ทราบสาเหตุ เครื่องขัดข้อง จนทราบจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่าที่นี่เป็นสถานที่ฝังศพเจ้าพ่อข้อมือเหล็กจะทำอะไรก็ควรจะต้องบนบานขอให้ท่านช่วยดูแลกำลังพลและขอให้รับความสำเร็จ ทางชุดปฏิบัติการจึงได้ทำการยกศาลและบนบานขอให้กำลังพลรับความปลอดภัยและขุดเจาะพบน้ำมันด้วย ก็ได้รับตามที่ขอทหารทุกนายปลอดภัย จึงเป็นความเชื่อและได้ยึดถือปฏิบัติกันมาโดยตลอด หลายครั้งได้ทำการเจาะหาน้ำมันไม่ได้ทำพิธี การขุดเจาะไม่สำเร็จ ด้วยความเชื่อทางศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือกรมการพลังงานทหาร จึงได้จัดสร้างเจ้าพ่อองค์ใหม่และจะทำพิธีจัดขบวนแห่อัญเชิญรูปหล่อเจ้าพ่อข้อมือเหล็กองค์ใหม่มาประดิษฐานที่ศาลเดิมอย่างสมเกียรติ
ความเป็นมาของศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก
ประวัติเจ้าพ่อข้อมือเหล็กเป็นนายทหารรูปร่างสูงใหญ่และเป็นทหารเอกของเจ้าพระยาเมืองฝาง ท่านเป็นนักรบที่มีความชำนาญในการใช้ดาบคู่และได้ทำการต่อสู้กับพม่ามาตลอดจนสิ้นชีวิติ ที่ ได้ชื่อว่าเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก เพราะ ใช้ดาบคู่เป็นอาวุธและที่แขนตั้งแต่ข้อมือถึงข้อศอกสวมปลอกเหล็กไว้ป้องกันดาบของคู่ต่อสู้แทนโล่ห์ปัจจุบันท่านเป็นเทวดาที่ดูแลคุ้มครองพื้นที่เขตอำเภอฝาง ทั้งหมดและเป็นที่เคารพนับถือของชาวอำเภอฝาง และอำเภอใกล้เคียง ซึ่งศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านป่าแงะ ตำบลแม่คะ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติเมืองฝาง หรือ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ในอดีตเป็นที่ตั้งของเวียงสุทโธ , เวียงไชยปราการ และเวียงฝาง ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของเมืองเชียงใหม่ ด้านทิศเหนือป้องกันการรุกรานจากพม่า เล่ากันว่าในครั้งที่พม่ายกทัพเข้ามารุกรานแผ่นดินไทย (ในสมัยรัชกาลใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด) ได้มีทหารเอกเจ้าเมืองฝางท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถเชี่ยวชาญ และชำนาญในการรบ ได้นำกำลังกองทัพเข้าต่อสู้กับทหารพม่าด้วยความเด็ดเดี่ยว และกล้าหาญ สามารถมีชัยชนะต่อข้าศึกหลายต่อหลายครั้ง เป็นที่เลื่องลือไปทั่วถิ่นล้านนา และเป็นที่หวาดหวั่นยำเกรงต่อทหารพม่า เมื่อเอ่ยชื่อถึงทหารเอกท่านนี้ จนเมื่อท่านเสียชีวิตลง ผู้คนเชื่อกันว่าดวงวิญญาณของท่านยังคงสถิตอยู่ที่เมืองฝาง ณ บริเวณแหล่งน้ำมันไชยปราการ เพื่อคอยปกป้องดูแลรักษาผืนแผ่นดินที่ท่านหวงแหนตลอดมา ทหารเอกที่ได้กล่าวถึงนี้ มีประวัติความเป็นมาที่ได้จากการบอกเล่าของผู้คนในท้องที่อำเภอฝางที่เล่าสืบต่อกันมาบ้าง ได้จากการบอกเล่าของร่างทรงมาบ้าง ที่สามารถบันทึกไว้ได้มีจำนวน 5 ประวัติ ซึ่งแต่ละประวัติจะกล่าวถึงคุณงามความดีและความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวของท่าน ในการต่อสู้กับทหารพม่าที่เข้ามารุกรานผืนแผ่นดินไทย แต่เนื่องจากความไม่ชัดเจนในชีวประวัติที่แท้จริงของท่าน จึงได้มีการเรียกชื่อทหารเอกท่านนี้ภายหลังที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว นามว่า “เจ้าพ่อข้อมือเหล็ก” โดยเรียกชื่อตามลักษณะการแต่งกายของท่านที่ใช้ 2 ดาบเป็นอาวุธ มีปลอกเหล็กหุ้มข้อมือต่างโล่ห์ ทั้ง 2 ข้อมือ สำหรับบริเวณแหล่งน้ำมันไชยปราการ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเจ้าพ่อข้อมือเหล็กนี้ ตามคำล่ำลือ ในอดีตมีหลายเหตุการณ์ที่ท่านได้แสดงปาฏิหารย์ในการช่วยเหลือการขุดเจาะน้ำมัน ของหน่วยสำรวจน้ำมัน ให้ประสบผลสำเร็จได้อย่างราบรื่น และไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นแม้แต่น้อย จึงได้มีการก่อสร้างศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ไว้ที่บริเวณบ่อดิน(บ่อต้นขาม)ลักษณะเป็นศาลขนาดเล็กทำด้วยไม้ ในเวลาต่อมาความศักดิ์สิทธิ์ของศาลแห่งนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วและได้มีชาวบ้านจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้ ขอความช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ แต่เนื่องจากการเดินทางเข้าไปกราบไหว้นั้น ไม่สะดวกเนื่องจากเส้นทางยากลำบากและอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ดังนั้นชาวบ้าน จึงได้ทำพิธีย้ายศาลมาอยู่สถานที่แห่งใหม่ ซึ่งก็คือสถานที่ตั้งในปัจจุบัน อันเป็นสถานที่ ที่เจ้าพ่อข้อมือเหล็กประสงค์และ บอกกล่าวผ่านร่างทรงมา ซึ่งในการย้ายศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็กในครั้งนั้น ยังคงเป็นศาลไม้ขนาดเล็กอยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งในปี 2537 พล.อ.อ.สุวิช จันทประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ และได้มา สักการะศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก และท่านได้ดำริเห็นว่า เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีอันใหญ่หลวงของทหารเอกท่านนี้ ศาลศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สมควรที่จะได้รับการก่อสร้างปรับปรุงใหม่ให้สมเกียรติ และในวันที่ 20 สิงหาคม 2537 ท่านได้กระทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างศาลใหม่ ซี่งการก่อสร้างใช้เวลาเพียง 1 เดือน ด้วยความร่วมมือร่วมใจของกำลังพลศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ และชาวบ้านในพื้นที่ ในการนี้ พล.อ.อ.สุวิช จันทประดิษฐ์ ได้กรุณามอบเงินสมทบการก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท และได้กระทำพิธีเปิดศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็กแห่งนี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2537 เพื่อให้พวกเราทุกคนได้สักการะบูชาเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของท่านตราบเท่าทุกวันนี้
|