งานวันเกษตรตำบลเวียงฝางฟื้นวิถีชีวิตเกษตรแบบดั่งเดิม

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา 08.00 น.

           งานวันเกษตรตำบลเวียงฝางฟื้นวิถีชีวิตเกษตรแบบดั่งเดิมใช้ควายทำนาและสนองตามแนวพระราชดำริฯ ปรัญญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง การเกษตรปลอดสารเคมี

นายศักดิ์ชาย   วงศ์กนิษฐ์ นายอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานวันเกษตรตำบลเวียงฝาง เพื่อฟื้นฟูการเกษตรวิถีชีวิตแบบเก่าดั่งเดิมไม่ใช้สารเคมี ส่งเสริมการใช้ควายทำนา และการปลูกพืชผักไว้กินเอง ตามแนวพระราชดำริฯ เศรษฐกิจแบบพอเพียง จัดที่สนามบ้านศรีดอนชัย ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้ทาง นายวสันต์ พรหมสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียง ตั้งใจจะให้นายอำเภอฝางขึ้นขี่ควายเข้าเปิดงาน แต่ควายไม่ยอมให้ขี่ นายอำเภอได้แต่เดินจูงควายจนควายดึงชาวบ้านต้องตะโกนให้ปล่อยเกือบโดนควายลากแล้ว ทางชาวบ้านได้ทำการมัดผ้าขม้ารับขวัญนายอำเภอ และนายก อบต. ตามธรรมเนียมประเพณีคนไทยล้านนา ในงานวันเกษตรตำบลเวียงฝาง มีการจัดประกวดซุ้มเกษตรแบบวิถีชีวิตเกษตรกรแบบเก่าดั่งเดิมทุกหมู่บ้าน มีการให้เยาวชนประกวดจัดสวนถาดพืชผักสวนครัวกินได้ จัดให้เยาวชนแข่งขันวาดภาพฉันรักธรรมชาติปลอดสารพิษ การประกวดผลผลิตทางการเกษตรทุกอย่างที่มีในท้องถิ่น มีกล้วยน้ำว้าที่กำลังสุกจนนายอำเภออดใจไม่ไหวต้องหยิบมารับประทาน ในซุ้มทุกซุ้มจะมีการประกวดการตกแต่งออกแบบการปลูกพืชผัก การปลูกข้าวเลี้ยงปลาในนาข้าว และที่หัวใสปลูกผักสวนครัวแบบแขวนซึ่งใช้ในยุคสมัยใหม่ไม่มีที่ดินปลูก “ต้นสามัคคีมีผลหลายอย่างแบบความสามัคคีในสังคมไทย” และมีการประกวดลาบเนื้อแบบคนไทยล้านนา ที่ยังนิยมรับประทานลาบเนื้อ ลาบหมู ลาบไก่ ตามแบบวัฒนธรรมประเพณีของบรรพบุรุษที่มีมาช้านาน การจำลองหุ่นวิถีชีวิตเกษตรกรแบบเก่า มีการนำเอาลูกวัวเนื้อ มาให้ชาวบ้านจับสลากเพื่อนำไปเลี้ยงขยายพันธุ์ส่งเสริมอาชีพ

เกจิ อัศจรรย์ ร่างกายไม่เน่า ลูกศิษย์ ทยอยปิดทอง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2555

           พระมหาเกษม รักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดปางต้นเดื่อ พร้อมลูกศิษย์ ได้นำร่างหลวงปู่ครูบาสิทธิ ออกมาจากโลงไม้สักและนำมาปิดทอง วัดปางต้นเดื่อ ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เก็บร่างหลวงปู่ได้ครบ 100 วัน น่าอัศจรรย์ ร่างกายไม่เน่าไม่เปลื่อย ไม่มีกลิ่น ให้ทางลูกศิษย์เดินทางทยอยมาทำการปิดทองตั้งแต่วันที่ 7 – 10 พฤศจิกายน 2555 และจะนำสังขารหลวงปู่ใส่โลงแก้วเก็บไว้ให้ลูกศิษย์มาทำการสักการบูชาต่อไปอีก 5 ปี ถึงจะทำการเผาตามจารีตประเพณีทางแบบล้านนาคนทางเหนือต่อไป ซึ่งการประกอบพิธีเผาสังขารพระทางภาคเหนือถือกันมากจะจัดการอย่างยิ่งใหญ่ ขอแจ้งมายังลูกศิษย์ทุกคนได้ทราบ

ย่างกุ้ง...พุกาม...มัณฑะเลย์..... “มหัศจรรย์”

สุขกาย อิ่มใจ....และอย่าปลงใจเชื่อ........

                อย่าปลงใจเชื่อ.... “ด้วยการฟังตามๆ กันมา......ด้วยการถือสืบๆ กันมา....ด้วยการเล่าลือ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์.....เพราะตรรก...เพราะการอนุมาน...ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว....เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้....เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา”

                กาลามสูตรที่อ้างข้างบนนี้ คงจะไม่เกินเลยไปกับการตั้งคำถามกับความเชื่อ ความไม่เชื่อ และคู่ควรกับหลายข้อคิดที่ว่า “อย่าปลงใจเชื่อ กับความ มหัศจรรย์” ของ เมืองพุกาม มัณฑะเลย์ ของศิลปกรรมล้ำเลิศ ในความอ่อนช้อยมีพลัง ในความเรียบง่ายมีสุนทรียะของการท่องเที่ยว การได้สัมผัสศิลปกรรมวิจิตรตระการตา แตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค ศาสนา และกลุ่มชน ความงดงามของ ศิลปกรรม-สถาปัตยกรรม-ประติมากรรม-จิตรกรรม และหัตถกรรม สะท้อน ความเชี่ยวชาญช่างฝีมือในยุคนั้น

                พุกาม...หรือที่เรารู้จักในนาม อาณาจักรพุกามเดิมเมืองมรดกโลก เมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามโดยเฉพาะ ความยิ่งใหญ่ของเจดีย์มากกว่า 5 พันองค์ จนได้รับสมญานามว่าเป็น เมืองแห่งเจดีย์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนา ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี มัณฑะเลย์พระราชวังมัณฑะเลย์....สะพานไม้อูเบ็ง...วิหารชเวนันดอร์...วัดมหากันดาบง..ฯลฯ

                ยิ่งใหญ่ล้ำค่า สุดจะพรรณนา เมืองพุกาม – มัณฑะเลย์ บนที่ราบลุ่มสองฟากฝั่งแม่น้ำอิรวดี.....คือแรงศรัทธาเพื่อให้พุทธศาสนาได้ยั่งยืนสืบไปกับ ความน่าหลงใหลของสถาปัตยกรรมอยู่ตรง ณ สถานที่แห่งนี้ อันเป็นเสน่ห์อันทรงคุณค่าของการเดินทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ด้วยความ มหัศจรรย์ สุขกาย สุขใจ ถึงแม้ว่าในวันนี้พม่ากำลังพัฒนาเติบโตเปลี่ยนแปลง ก้าวเข้าสู่โลกอุตสาหกรรมมากขึ้น...ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์ ยังเป็นดินแดนที่ผู้คนหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ พร้อมเดินทางเข้าไปสัมผัสไม่ขาดสาย และคงเป็นคำตอบของผู้ไปเยือนด้วยเสน่ห์อันล้ำค่า...............

สลด! เด็ก 10 ขวบ ไฟคลอกดับสยอง

สลด! หนูน้อยวัย 10 ขวบ วิ่งหนีตายจากเพลิงไหม้ตึกแถวในตลาดนัดวันพุธกลางเมืองฝาง แต่ไม่รอดถูกไฟคลอกดับอนาถที่บริเวณชั้น 2 ของตึก หลังเพลิงไหม้กลางดึก คาดวิ่งหนีลงมาไม่ทัน ส่วนค่าเสียหายเบื้องต้นคาดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 20 ต.ค. พ.ต.ท.ชลเทพ ใหม่ไชย สารวัตรเวร สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านขายสินค้าโชห่วย ตั้งอยู่เลขที่ 47/4 ภายในตลาดนัดวันพุธ หมู่ที่ 4 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งจึงได้ประสานรถน้ำดับเพลิง 3 คัน จากศูนย์ดับเพลิงพิรุณเทศบาลตำบลเวียงฝางร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยหงส์ฟ้า และเจ้าหน้าที่กู้ชีพจากโรงพยาบาลฝาง ออกทำการช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 3 คูหา 2 ชั้นครึ่ง พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คนทราบชื่อนายสหรัฐ พงศ์จาย อายุ 18 ปี มีแผลถลอกตามลำตัว แขนและขา และนายธนาเทพ ธรรมวงศ์ อายุ 18 ปีได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาดที่บริเวณแขน และขา เจ้าหน้าที่รีบช่วยเหลือและนำส่งพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และเนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นร้านขายส่งสินค้าประเภทพลาสติก โฟม และสินค้าโชห่วย เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วจึงได้ประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงศูนย์พัฒนาปิโตรเลี่ยมภาคเหนือ      ( บ่อน้ำมันฝาง ), อบต.เวียง, อบต.ม่อนปิ่น, อบต.สันทราย, อบต.แม่ข่า, อบต. แม่คะ และการไฟฟ้าภูมิภาคฝางทำการตัดกระแสไฟ พร้อม ตร.สภ.ฝางร่วมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร หลังจากเพลิงสงบ จนท.กู้ภัยช่วยกันเข้าตรวจสอบภายในอาคารพบศพ เด็กชาย 1 ราย นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณบันไดชั้น 2 ของอาคาร สภาพศพไหม้เกรียม สำหรับทรัพย์สินที่อยู่ภายในอาคารถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด

สอบถามนางตุ๋ย แซ่เจียว อายุ 42 ปี ได้ให้การว่า เด็กที่เสียชีวิตนั้นเป็นหลานชายของตน ชื่อด.ช.นันธกรณ์ ธนาใจรักษา อายุ 10 ปี สำหรับร้านที่เกิดเหตุนี้เป็นของนายเอกลักษณ์ ธนาใจรักษา ซึ่งไม่ได้นอนพักที่เกิดเหตุ มีเพียงตนกับหลานสาวและหลานชายที่เสียชีวิตเท่านั้น โดยขณะเกิดเหตุกำลังนอนพักกันอยู่ชั้นบนของร้าน ส่วนด้านล่างมีสินค้าภายในร้านจำนวนมาก ต่อมาได้กลิ่นควันและได้ยินเสียงจากชั้นล่าง ซึ่งเป็นบริเวณที่เก็บของ โดยเป็นเสียงคล้ายกับของตกลงมาแตก จึงได้วิ่งลงมาดู ก็พบว่ามีเพลิงกำลังลุกไหม้ จากนั้นก็ได้รีบขึ้นไปพาหลานทั้งสองคนวิ่งออกมาจากห้อง แต่ปรากฏว่าขณะที่วิ่งฝ่ากลุ่มควันลงและออกมาถึงนอกร้าน ก็พบว่าหลานชายไม่ได้ออกมาด้วย แต่เพลิงได้ลุกไหม้อย่างแรง ทำให้เข้าไปช่วยไม่ได้อีก กระทั่งมีเพื่อนบ้านคือนายสหรัฐ และนายธนาเทพ พยายามจะปีนเข้าไปช่วยเหลือแต่พลัดตกลงมาและถูกกระจกบาดตามตัวได้รับบาดเจ็บเสียก่อน กระทั่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึง และพยายามเข้าไปช่วยเหลือหลานชายของตน แต่ก็ไม่ทันเพราะหลานชายของตนได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิตไปแล้ว

หลังจากการสอบสวนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุอาจจะมาจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งในเบื้องต้นนั้นค่าเสียหายทั้งสิ่งของและตัวอาคารทั้งหมดน่าจะประมาณเกือบ 5 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามจะได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ มาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป