**ธุรกิจรากหญ้า คนรากหญ้า จะรอดไหมนี่......... PDF พิมพ์
เขียนโดย VRP   

กาลเวลามักเป็นกุญแจดอกสำคัญที่กำหนดจุดเปลี่ยน และกระตุ้นให้มีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดท่ามกลางสภาวะที่ผันแปร การคิดค้นแนวทางแก้ไขปัญหาจากช่วงเวลาหนึ่งไปสู่อีกช่วงเวลาหนึ่ง จึงก่อให้เกิดการวิวัฒนาการ

                ธุรกิจรากหญ้า อยากมีที่ยืนอย่างมั่นคงในยุค คสช. ก็ต้องให้หันหลังศึกษาดูจากอดีต ยุค 14 ต.ค 16, 6 ต.ค 19 , 17 พ.ค 35....วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 40 เส้นทางการค้าหรือการลงทุน เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นวิวัฒนาการทางด้านการประกอบธุรกิจผูกขาดขนาดใหญ่อยู่รอดและโตขึ้นเร็ว อ้วนขึ้น

                ธุรกิจรากหญ้า “รวมกันเราอยู่รอดหมู่  แยกกันอยู่เราตายเดี่ยว” น่าจะเป็นแนวคิดของการอยู่รอดในภาวะจากนี้ไปถึงปี 2560

                มีหลายสาเหตุที่ธุรกิจชุมชนรากหญ้ารวมตัวกันไม่ได้ มาจากการเอาตัวรอดชอบหากินแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องการความเสี่ยง หากมีการรวมตัวกันได้ ก็จะเป็นแบบหลวมๆ ต่อเมื่อเพื่อหาผลประโยชน์ เมื่อไม่มีผลประโยชน์แบ่งกันก็ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างหา ไม่มีความร่วมมือ และไม่มีความเห็นพ้องต้องกัน....

                ที่สำคัญวัฒนธรรมของสังคม และเศรษฐกิจไทยรากหญ้าโดยรวม ยังยึดติดกับแนวคิดภายใต้กรอบ มีทัศนะคติของผู้ประกอบการบางอย่างต้องพึ่งพาแต่รัฐบาล แทนที่จะพึ่งพากันร่วมมือร่วมใจกันเอง แล้วดึงรัฐบาลเป็นผู้ช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดความก้าวไกลในด้านต่างๆ (ธุรกิจทัวร์,โซห่วย,รับเหมาก่อสร้าง,สื่อโฆษณา,ชมรม,สมาคม.....ฯลฯ

                วิกฤติเศรษฐกิจปี 40 อาจจะไม่เลวร้ายเหมือนยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน บทเรียนวิกฤติเศรษฐกิจต่อนี้ไปถึงปี 60 อาจรวมถึงการคาดจะมีการเลือกตั้งรูปแบบไหน เชื่อว่าธุรกิจรากหญ้าคาดเดาอย่างยากลำบาก บางธุรกิจอาจจอดก่อนแจว หรือล่มสลายไปก่อนเวลาอันควรของเจ้าของกิจการ

                การปฏิวัติ รัฐประหาร อุปมาเหมือนสายฟ้าฟาดยิ่งกว่าพายุใหญ่...เพราะไม่มีใครรู้ว่าทำไม? เพราะอะไร? จึงมีเหตุการณ์เลวร้ายนี้ขึ้น แล้วเหตุการณ์ดังกล่าวมันคืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร แล้วมันจะเกิดขึ้นซ้ำซากอีกไหม แน่นอนว่าคำถามที่คาใจเหล่านั้น ไม่มีใครหาคำตอบที่ตรงจุดมาอธิบายได้ทั้งหมด...(ธุรกิจรากหญ้า ประชาชนรากหญ้า  จะหาทางออกคิดอย่างไรดี)

                เมื่อคลื่นลมสงบราบคาบ ธุรกิจรากหญ้าหน้าใหม่ก็กลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง หากเป็นครั้งคราวที่มีความระแวดระวังมากขึ้น เริ่มมีการช่วยกันแชร์ข้อมูล ถึงหนทางที่จะอยู่รอดได้ เมื่อภัยการปฏิวัติ รัฐประหาร จะตามมาหลอกหลอนอยู่เนืองๆ ของผู้กระหายในอำนาจบนผลประโยชน์ความทุกข์ยากของคนยากคนจน.......ประชาชนต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน เพื่อแสวงหาโอกาส “ของคนต้องเท่ากัน”.........

 

                                                                    ......มดแดง........

Joomla Templates and Joomla Extensions by ZooTemplate.Com
 
**40 ต้มยำกุ้ง ชามเล็ก 59-60 ต้มยำกุ้ง ชามใหญ่ PDF พิมพ์
เขียนโดย VRP   

40 ต้มยำกุ้ง ชามเล็ก

59-60  ต้มยำกุ้ง ชามใหญ่

                หากหมุนเข็มนาฬิกาย้อนไปประมาณ 19 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2540 สภาพเศรษฐกิจไทยในขณะนั้นคนไทยและคนต่างประเทศให้ฉายาว่า “วิกฤติต้มยำกุ้ง” เป็นวิกฤติที่ค่าเงินบาทอ่อนลงต่ำสุด 50/ดอลลาร์สหรัฐ (USD) สาเหตุเกิดจากการตัดสินใจของรัฐบาลไทยในสมัยนั้นลอยตัวค่าเงินบาท ไม่อิงเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หลังจากพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ทำให้ค่าเงินของประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น ทรุดตัวลงตามประเทศไทย  และวิกฤติดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง  มาเลเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ จีน อินเดีย ไต้หวัน สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม ตามลำดับ

                สัดส่วนหนี้ประไทยในยามนั้น จีดีพี เพิ่มสูงขึ้นจาก 100% เป็น 167% เป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 13% เป็น 21% อย่างน่ากลัว ถึงแม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอ เอ็ม เอฟ : IMF) ก้าวเข้ามาเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินเกาหลีใต้ ไทย อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

                จากวิกฤตการณ์ดังกล่าว ทำให้ประธานาธิบดีซูฮาร์โต้ ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากครองอำนาจมากว่า 30 ปี ท่ามกลางการจลาจลของประชาชนจากค่าครองชีพสูงขึ้น เงินรูเปียห์อ่อนตัวอย่างสุดๆ และหลังจากปี 41 ไม่นานเศรษฐกิจในภูมิภาคมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในปริมาณเพิ่มมูลค่าอย่างรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ จีดีพี เพิ่มขึ้น 8-12 % อย่างไม่น่าเชื่อ ถือเป็นปรากฏการณ์ “ปาฏิหารย์เศรษฐกิจเอเชีย”

                สาเหตุวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ใครคือต้นเหตุ “วิกฤติต้มยำกุ้งชามเล็ก” และใครเป็นผู้แก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าว มีนักธุรกิจ – นักการเมือง ต่างสรุปเอาว่า “ทุกคนมีส่วนทำให้เกิดวิกฤติ 40 โดยไม่ได้ตั้งใจ” อีกความเห็นหนึ่ง อดีต ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย นางธาริษา  วัฒนเกศ ที่แสดงความเห็น วิกฤติ 40 ไว้ว่า เป็นความผิดพลาดของหลายส่วนหน่วยงาน และการเปิดเสรีด้านการเงินโดยอนุญาตให้ตั้ง 5 เทศธนกิจ (BIBF) และกฎหมายล้าสมัย ฯลฯ

                การโจมตีค่าเงินบาท 19 ปีที่ผ่านมา “วิกฤติต้มยำกุ้ง40” ส่วนหัวได้รับความเดือดร้อนไม่ใช่ชาวรากหญ้าเสียทั้งหมด และถือเป็น “ต้มยำกุ้งชามเล็ก” ปี พ.ศ. 2559-2560 มีนักวิชาการผู้อยู่ในแวดวงธุรกิจหลายแขนง หรือแม้แต่ชาวรากหญ้าอย่างพวกเราๆ ที่สัมผัสได้ถือเป็น “ต้มยำกุ้งชามใหญ่” ที่เราจะได้รับประทานอย่างอิ่มอร่อย.....สาเหตุวิกฤติรอบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น เกิดขึ้นจากอะไรและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ...เพราะต้มยำกุ้งครั้งนี้ไทยเรารับเต็มๆ ไม่มีประเทศในอาเซียนพ่วงไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะผลพวงทั้งหมดเกิดจากประเทศเราเอง ก็ฝากผู้อ่านไปศึกษาค้นคว้าต่อและไม่กี่วันที่ผ่านมาฝ่ายกิจการทัวร์ของเรา นำคณะทัวร์ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน “กัมพูชา” (เขมร) ที่รับแต่เงินดอลลาร์สหรัฐ ที่นักท่องเที่ยวคนไทยซื้อสินค้า คิดอัตรา 40-50 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ไปเรียนร้อยแล้ว เที่ยว พม่า ลาว เขมร ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ ได้เปรียบในการซื้อสินค้า กว่ามากใช้สกุลเงินบาท

                “ต้มยำกุ้งชามใหญ่” จะเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน ต่อให้รัฐบาลโหมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ต่อให้ยอดนักธุรกิจอย่างคณะ ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สักโหล ดูว่าจะทำให้ จีดีพี เศรษฐกิจส่งออกที่ติดลมมาร่วม 10 เดือน ดีขึ้นอย่างไร เพราะทั้งหมดมันมาจากผลพวงการมีรัฐบาลที่ไม่ใช่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน......ประชาชนต้องการประชาธิปไตย และประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะแก้วิกฤติการณ์ต่างๆ ของประเทศ จงรอรัฐธรรมนูญไปพลางๆ ก่อนเถิด.........

 

Joomla Templates and Joomla Extensions by ZooTemplate.Com
 
**ดุลยภาพความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐ จีน ไทย และอาเซียน PDF พิมพ์
เขียนโดย VRP   

ในฐานะเดินทางท่องเที่ยวถนน  R3a  R3b (ลาว พม่า จีน) ได้เห็นจีนพัฒนาอิทธิพลแผ่กับผลประโยชน์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างน่าตกใจ และเพื่อนบ้านต่างหวาดระแวงจีนอย่างมาก เพราะจีนมีเงินทุนมหาศาลเข้ามาลงทุนด้านการบริโภคโดยนึกถึงประโยชน์ของจีนเป็นสำคัญ

                กรณีด้านการท่องเที่ยวอย่างเดียว ที่นักธุรกิจเดินทางตามถนน R3a (อาร์สามเอ) ไม่ว่าไกด์ รถบัสนำเที่ยวจากจีนมาถึงลาว จากลาวมาถึงไทย และรถบัสในเมืองไทย โรงแรมสถานแหล่งท่องเที่ยว คนไทยคนลาวค้าขายไม่ทัน พ่อค้านักธุรกิจจีนหลอก ที่คนจีนทะลุทะลวงทุกช่องทางบนผลประโยชน์ได้มากกว่า

                กรณี ตัวอย่าง : การเข้ามารับซื้อผลผลิตลำไย ตั้งแต่การตั้งจุดรับซื้อผลผลิต การเช่าโรงงาน การนำเครื่องอบแห้งเข้ามา  แปรรูปส่งไปขายยังประเทศจีน เป็นระบบที่เราศึกษาดูได้หลายแห่งในอำเภอฝาง นี่เป็นตัวอย่างเดียวที่ กลุ่มประเทศอาเซียนวิตกทุนของจีนที่ไร้ขีดจำกัด และการควบคุมของรัฐอย่างเข้มข้น

                กรณีหลังรัฐประหารร่วม 10 เดือน (22 พฤษภาคม 2557)  ท่าทีของสหรัฐ และอียู ตามจุดยืนเดิมคือประเทศไทยต้องกลับไปสู่ประชาธิปไตยเลือกตั้งโดยเร็ว การที่คณะรัฐประหาร คสช. หันไปแสดงความสนิทสนมกับจีน และนำประเทศเข้าไปผูกพันกับผลประโยชน์ของจีนอย่างน่าวิตกมากขึ้น โดยเฉพาะคณะรัฐบาลทหารไปทำสัญญารถไฟกับจีน โดยไม่มีข้อมูลเปิดเผยเกี่ยวกับโครงการหรือข้อผูกพันใดๆ กับทุกฝ่าย (ล่าสุดจีนคิดดอกเบี้ยเงินกู้สร้างทางรถไฟ 2-4 % โครงการต้องล่าช้าออกไป)

                ขอให้เชื่อเถอะว่า สินค้าคุณภาพ บริการของจีนห่วยแตกกว่าไทย...จีนมีเงินทุนมหาศาลอย่างแน่นอน แต่ในระยะยาวจีนไม่อยู่ในฐานะเพิ่มสมรรถภาพ-ประสิทธิภาพ การผลิตของไทยให้ไต่ระดับสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การบริหารจัดการ เครือข่ายตลาดโลก จะว่าไปแล้วเงินหยวนอยู่ในฐานะไม่ดีกว่าเงินบาทไทย หรือพูดแบบชาวบ้านอาจจะต่ำกว่าไทยในบางครั้งบางเรื่องด้วยซ้ำ...ถ้าหากไทยไม่มีการรัฐประหารบ่อยครั้งป่านนี้ ไทยอาจเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในอาเซียนอย่างสบาย เพราะมีทั้งทรัพยากรธรรมชาติ องค์ความรู้ ทำให้ประเทศไทยขาดความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย

                ประเทศไทยถือเป็นจุดเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจกับโลกตะวันตก มายาวนานหลายทศวรรษ ร่วมกันระหว่าง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทยมีความจำเป็น หรือไม่เข้าสู่กับดักอิทธิพลของจีน ที่วางหมากกลเอาไว้ รัฐบาลทหาร คสช. คิดอย่างรอบด้านหรือไม่ว่าสักวันหนึ่งคณะรัฐบาลทหารก็ต้องออกไป

                ปัจจุบันโลกได้หมดยุคสงครามเย็นลงแล้ว มีแต่สงครามทางเศรษฐกิจ การที่สหรัฐอเมริกา และอียู มาตอกย้ำให้ คสช.ไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก และอาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป เพราะความหวังของอาเซียน อยู่ที่จุดยืนของประเทศไทย

                “พม่าบอบช้ำการปกครองแบบเผด็จการทหารมายาวนาน สู่การเป็นประชาธิปไตย และกำลังจะมีการเลือกตั้งในปี 2558 นี้  ระบบการพัฒนาระบบประชาธิปไตยไทยมีปัญหาหรือไม่ ทำให้ประชาชนคนไทยขาดความเชื่อมั่นประกอบกับการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจบ่อยครั้ง....ประชาชนลาวทำไมไม่ชอบการลงทุนของจีนและไม่ชอบเงินหยวน รักเงินบาทไทย” สร้างความสัมพันธ์อันดีกับไทยมาโดยตลอด

                ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่เดินทางเข้าออกและศึกษา เศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน เป็นห่วงนโยบายภายใต้ คสช. การเมืองระหว่างประเทศ ในช่วงรัฐบาลทหารในขณะนี้ ต่อนโยบายอาเซียน สหรัฐ-อียู-จีน ต้องมี มีดุลยภาพด้วยเหตุด้วยผลอย่างเพียงพอ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของประเทศในทุกด้านอย่างสมดุล ที่ชาติในอาเซียนใช้กันในการถ่วงดุลมหาอำนาจระหว่าง จีน-สหรัฐ-อียู ในแถบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรื AEC (Asean Economics Community)

โดย...คน  บนดอย

                

Joomla Templates and Joomla Extensions by ZooTemplate.Com
 
**คำเตือน ปีแพะ 2558 เขย่า รัฐบาล คสช. 4 ด้าน พร้อม ร่าง รธน. ไม่สวย วุ่นแน่1.การส่งออก 2.การบริโภค PDF พิมพ์
เขียนโดย VRP   

1.การส่งออก  2.การบริโภคในประเทศ  3.การลงทุนทั้งในประเทศต่างประเทศ 4.องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย

มุมมองเศรษฐกิจ สังคม การเมืองไทย จากนักวิชาการชั้นนำของประเทศ จาก กูรูใหญ่ ระดับประเทศ ฝ่ายที่มอง “โลกสวย” ก็จะเป็นในแบบสงบ สันติวิธี ทุกคนทุกฝ่ายมีความร่วมมือทั้ง เศรษฐกิจอาเซียน และโลก....ฝ่ายที่มองโลกแบบ ปี 2540 แบบ “โศกนาฏกรรม” หุ้นตกรุนแรง เงินบาทอ่อนค่า ธนาคารเข้าจุดคับขัน คนว่างงาน ผลผลิตเกษตรตกต่ำ...ก็ว่าคิดต่างกันไปตามความเชื่อ

แต่ถ้ามองโลกแบบที่เป็นจริง นอกจากประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจแล้ว เหล่านักวิชาการ เหล่านัก กูรูใหญ่ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่ว่าฝั่งมวลชนเสื้อเหลือง และมวลชนเสื้อแดง ต่างมีมุมมองคล้ายคลึงกันว่า ปัจจัยเศรษฐกิจ ปี 2558 ฟื้นหรือไม่ฟื้น ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยการเมืองต้องมีเสถียรภาพเป็นสำคัญ

แวดวงนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ และนักธุรกิจระดับประเทศ และจากผลการวิจัยของกูรูฟันธงลงไปว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญที่จะออกมาในช่วงต้นเดือนเมษายน 2558 หรือเข้าไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ออกมาไม่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม เชื่อว่า เศรษฐกิจ การเมืองไทย วุ่นแน่....

จากบทวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์อิสระ ที่ได้การยอมรับของนักธุรกิจ และนักวิชาการ อย่าง ดร.ศุภวุฒิ  สายเชื้อ ที่ได้พูดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา กับทิศทางเศรษฐกิจไทย และปัจจัย ปี 2558 บนเวที Thailand Economic outlook 2015 ตอนหนึ่งว่า “เศรษฐกิจไทยปีหน้ายังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องการส่งออก ซึ่งมีสัดส่วน 60 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ความเห็นการเร่งเบิกจ่ายเงินภาครัฐ และที่สำคัญ คือความเห็นที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร”

อีกความเห็นหนึ่งเป็นเรื่องของความชัดเจน เรื่องการผลัดเปลี่ยนอำนาจว่า จะทำให้เกิดความมั่นใจต่อเศรษฐกิจได้หรือไม่ หากความไม่แน่นอนยังมีอยู่ เชื่อว่าผู้ลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังจะรอความชัดเจนต่อไป

อีกประเด็นที่สำคัญคือ แผนการปรับขึ้นภาษีต่างๆของรัฐบาล เช่น การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) การเก็บภาษีมรดก การเก็บภาษีที่ดิน การขึ้นภาษีน้ำมัน การเก็บภาษีสรรพสามิตจากราคาขายปลีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทุกอย่างอยู่ที่ความชัดเจนของรัฐบาล คสช. และร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ที่จะออกมา ทุกรายละเอียดต้องสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

สุดท้าย เรื่องขององค์กรเสรีไทย เพื่อสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย (The organization of freethais for Human Rights and Democracy) ที่คอยตอดเล็กตอดน้อย รัฐบาลทหาร พร้อมประกาศออกมาทาง เฟชบุ๊ก – เพจ ว่าองค์กรจะร่วมมือกับเอ็นจีโอ ด้านสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ทั่วโลก ขับเคลื่อนผลักดันให้ทุกรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลไทย ยอมลงนามในสัตยาบันกรุงโรม เพื่อรองรับอำนาจของศาล อาญาระหว่างประเทศ และการประกาศจัดตั้งองค์กร โดยอ้างวัตถุประสงค์ไว้ 6 ข้อ คือ 1. ต่อต้านระบบเผด็จการทหาร และเครือข่ายอำมาตย์ เพื่อให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน 2.ฟื้นฟู และเสริมสร้างระบบประชาธิปไตย ให้มีความถาวร และเป็นเสาหลักของสังคมไทย 3.เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค เสรีภาพ และสันติภาพ 4.ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจเสรี และเป็นธรรม 5.ปฏิรูปวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย 6.พัฒนาคุณภาพประชาชนไทยสู่ความเป็นสากล

ก็ฝากรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ “โลกล้อมประเทศ” ขององค์กรเสรีไทยฯ ยังสร้างประเด็นขึ้นมาโจมตี คสช. อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินสายทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา การไม่เร่งจัดการ กับองค์กรเสรีไทยฯ หรือทำอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อหยุดยั้งการขยายตัวขององค์กรเสรีไทยฯ ในต่างแดน เป็นผลร้ายทางอ้อมที่เขย่ารัฐบาลทหาร คสช. พอสมควร

เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ปีแพะ 2558 จะเป็นอย่างไร พวกเราคนท้องถิ่นรากหญ้า กับผลกระทบที่จะตามมาต่อการดำรงชีวิต ที่เราก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า0....กรรม...

 

Joomla Templates and Joomla Extensions by ZooTemplate.Com
 
*อุตสาหกรรมอาหารค้าโลก “หัวใส” หลอก “น้ำมันมะพร้าว – น้ำมันจากสัตว์” PDF พิมพ์
เขียนโดย VRP   

อุตสาหกรรมอาหารค้าโลก “หัวใส”

หลอก “น้ำมันมะพร้าว – น้ำมันจากสัตว์”

ทำให้เกิด “คอเลสเตอรอล” ร่วม 40 ปี

ตอนที่ 1

                หลายเดือนก่อน ผู้เขียนบังเอิญ ไปเยี่ยมมิตรสหาย ของเพื่อนตามศูนย์สุขภาพหลายแห่งในภาคเหนือ และได้ร่วมรับประทานอาหารทุกมื้อจากพืชผัก พร้อมได้พูดคุยกับ นักวิชาการอิสระที่ชื่นชอบ การใช้ชีวิตอยู่กับวิถีชีวิตตามธรรมชาติ โดยยึดแนวทางพุทธศาสนา ในการดำรงชีวิตย่างเข้าวัย 70 ปี โดยความที่มองท่านมีสุขภาพดี ไม่อ้วน หรือผอมเกินไป ใบหน้าอิ่มเอิบ ยิ้มหัวเราะ ร่าเริง แจ่มใส อารมณ์ดี

                ระหว่างการสนทนา สัพเพเหระ เรื่องราวต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา สุดท้ายมาถึงเรื่องสุขภาพที่ท่านบอกว่า อุตสาหกรรม หรือยาของโลกประเทศที่เจริญ อย่าง ประเทศสหรัฐอเมริกาโหดร้ายกับชาวโลก โดยเฉพาะชาวไทย ที่ขาดการวิจัย และสูญเสียจากการใช้ น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันสัตว์ ในอดีต มากินน้ำมันพืชถั่วเหลือง ตามสมาคมถั่วเหลืองอเมริกัน (ASA) ที่ออกข่าวโจมตี น้ำมันมะพร้าว และไขมันอิ่มตัว จากสัตว์ว่าเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิด “คอเลสเตอรอล อุดตันในเส้นเลือด และแถมยังไม่พอยังให้แพทย์ “โรคหัวใจ” ออกมาให้ข่าวโจมตี น้ำมันมะพร้าว น้ำมันจากสัตว์ ร่วม 40 ปี โดยไม่บอกความจริงที่ว่า น้ำมันมะพร้าวที่ใช้ทำวิจัยนี้ เป็น ไขมันทรานซ์ เติมไฮโดรเจนมาแล้ว......

                สาเหตุที่คนทั้งโลกถูกหลอกในรูปของผลการวิจัยของประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อให้คนทั้งโลก เลิกกินน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันต่างๆ พื้นบ้าน เช่น น้ำมันงา น้ำมันหมู ฯลฯ ที่มีอยู่ในพื้นถิ่นของตนเอง หันมากิน “น้ำมันถั่วเหลือง” จาก อเมริกา แทน ที่ผลิต น้ำมันพืชแบบอุตสาหกรรม เติมไฮโดรเจน แม้จะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนได้กลายเป็นไขมันทรานซ์ และสุดท้ายได้ทำเงินมหาศาลมากมาย สู่อุตสาหกรรมอาหารประเทศที่เจริญแล้ว

                สาเหตุส่วนหนึ่งที่คนทั้งโลก ป่วยเป็นโรคมะเร็งในลักษณะต่างๆ ติดตามมา เกิดจากภัยของ “กรดไขมันทรานซ์” และกรดไขมันนี้ มีอยู่ใน ขนมปัง ขนมเค้ก เบเกอรี่ ผงครีม มาการีน เนยเทียม  และในน้ำมันพืช ที่ใช้ทอดต่างๆ เช่น เฟริ์นซ์ไฟสย์ ฯลฯ (เอาแค่นี้)......

                ก็เอาต้นกำเนิดของโรคภัยต่างๆ เกิดจากการที่เราละเลยอาหารพื้นบ้านที่มากด้วยคุณประโยชน์....ลืมวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ผ่านมา ก็ไม่ต้องบอกว่าทำไม ถึงมี “น้ำสมุนไพร” ออกมาขายเต็มบ้านเต็มเมือง และอาจไม่ถึงร้านขายยา ตามถนนซอกซอย ชุมชน ทั่วประเทศ ต้องมีร้านขายยามากมาย.......

                ก็ฝาก...บอกผ่านรัฐบาล คสช. หน่วยงาน และรัฐมนตรีป้ายแดง พร้อมที่จะผ่าตัด “ปฏิรูป” โครงสร้างอาหาร และยา เพื่อส่งเสริมให้สุขภาพของคนไทยแข็งแรงสมบูรณ์......ณ วันนี้ มีหลายฝ่ายเชื่อว่า โรงพยาบาลของภาครัฐ และเอกชน จะเต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคนานาชนิด.....ถึงเวลาแล้ว หรือยัง ที่เราต้องให้การดูแล บริโภคอาหาร สุขภาพของคนไทยเป็น “วาระแห่งชาติ” (โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในอาหารสุขภาพ) ฉบับหน้า....จะมาคุยต่อ อันตรายจากการเติมไฮโดรเจน เป็นสาเหตุของการเกิดไขมันทรานซ์ ต่อสุขภาพอย่างไร

 

(กองบรรณาธิการ)

 

Joomla Templates and Joomla Extensions by ZooTemplate.Com
 
<< เริ่มแรก < ย้อนกลับ 1 2 3 4 5 ถัดไป > สุดท้าย >>

JPAGE_CURRENT_OF_TOTAL

ข่าวสาร Facebook

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้604
mod_vvisit_counterเมื่อวานนี้388
mod_vvisit_counterสัปดาห์นี้2203
mod_vvisit_counterสัปดาห์ที่แล้ว11026
mod_vvisit_counterเดือนนี้22991
mod_vvisit_counterทั้งหมด2629693

มีผู้ใช้งาน: 18 บุคคลทั่วไป ออนไลน์
ไอพี: 3.144.172.115